Friday, December 25, 2009

ไทยไม่ช่วยไทย..แล้วใครจะช่วยเรา..




มีโทรศัพท์ในมือแท้ๆแต่ไม่ได้ขอคุณป้าเค้าเพื่อถ่ายรูป เลยต้องหาเองผ่าน Net

วันนี้หลังจากกินข้าวซะสายเพราะมัวแต่นอนเอาสนุกเพราะวันนี้หยุด..เลยทำให้ทำอะไรๆช้าไปหมดกว่าจะได้ออกมากินข้าวก็ต้องหลังจากทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วก็อาบน้ำก่อนถึงจะได้มากิน

อากาศสบายๆดีวันนี้กินก็เลยไม่ร๊บด้วยเอื่อยๆ แต่พอหลังจากซื้อกาแฟเย็นคุณพี่เจ้าประจำมาถุงนึงกำลังดูดดื่มอร่อยก็ไปเจอตรงหัวเลี้ยงก่อนเข้าซอยมีป้าคนนึงขายขนมไทยด้วยรถเข็นเล็กๆธรรมดาคันนึงเลยหยุดเข้าไปมองแล้วอุดหนุนเสียหน่อย เพราะเราเป็นคนชอบขนมไทยมาก อาจเป็นเพราะโตมาจากสมัยที่ขนมถุงยังไม่ hot hot และ Marketing แรงเหมือนสมัยนี้ด้วย อยู่บ้านนอกขนมไทยในตลาดสดละลานตาน่าสนใจราคาถูกไม่แพงอร่่อยกว่าเยอะ... ^^

แต่ที่ตัดสินใจซื้อจริงๆเพราะอยากให้แกรู้สึกว่าเราก็เป็นคนนึงที่ทำให้แกยังทำขนมไทยขายต่อไปอีกเพราะในซอยนี้ไม่ค่อยเห็น ของทีึ่เอามาขายดูสะอาดและใหม่ไม่ค้างเก่า และป้าพูดจาสุภาพดี เลยจัดมา3-4รายการ

ขณะที่กำลังเดินกลับห้องเพราะจ่ายเงินมาแล้วเราก็คิดว่า อือม..ถ้าคนไทยไม่อยากจ่ายเพราะเข้า seven เพราะสบายกว่าเย็นกว่า Package ขนมสวยกว่ากันหมดแล้วป้าๆหรือพ่อค้าแม่ค้าพวกนี้เค้าจะเลิกทำขายกันรึเปล่า..

ยังไงก็ขอให้คนไทยกินของไทย..ใช้ของไทยกันมากๆด้วยเน้อ จะใช้ของอะไรก็ดีก็ใช้ไปแต่ของไทยของที่มันสื่อความเป็นชนชาติเราต้องไม่ลืมก่อนที่จะไม่มีมันให้เห็นได้อีกหรือมีก็ลำบากและกลายพันธุ์ได้ในที่สุดเพราะการแข่งขันอย่างรุนแรง

"วันนี้เป็นวันฉลองของฝรั่ง เราก็สนุกสนานกันไปด้วย ยังไงก็อย่าสนุกจนลืมของไทยนะครับ"

Saturday, November 28, 2009

คิดถึงสนามจันทร์..





อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นัวนเสาร์แรกในตลอด3เดือนที่ผ่านมาซึ่งเราต้องไปเรียนสีน้ำที่ศิลปากรทุกเช้าวันเสาร์ตลอดทั้งวัน แต่วันนี้อารมณ์มันแปลกไปเพราะเราไม่ได้ไป อยู่บ้าน เนื่องจากคอร์สอบรมจบไปแล้ว แต่ภาพบรรยากาศห้องเขียนรูป พวกกองกระดาษภาพวาดรวมถึงโต๊ะรกๆที่กองกันดูไม่เป็นระเบียบ แต่บรรยากาศเงียบๆร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม่ใหญ่ในศิลปากรทำให้เราตอนนี้ถึงกับคิดถึงขึ้นมาเลย.. ต้องนั่งเรือทุกเสาร์ตอนนี้ก็หยุดเล่นคอมพ์อยู่กับห้อง ร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ตรงข้ามลานรูปปั้นอาจารย์ศิลป์ พีระสี วันนี้ก็ไม่ได้ไปนั่งดื่มนั่งกิน ...

แต่กนั่นแหละนะ ไม่เป้นไรมากหรอกเดี๋ยววันนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะนั่ง drawing อะไรเล่นๆซักภาพให้หายคิดถึง หรือไม่ก็เอา VDOที่อัดตอนเรียนสั้นๆมานั่งดูก็เยี่ยมแล้ว

หลังจากเรียนจบก็ได้อะไรมาเหมือนกันนะ การวาดภาพสีน้ำให้อะไรบ้าง ?

1. ทำให้เราเข้าถึงธรรมชาติมากขึ้นกว่าแต่ก่อน การมองจะไม่ใช่แค่ผ่าน แต่เป็นการมองอย่างสังเกตความงามของภาพหรือสิ่งที่เห็นอย่างตั้งใจซึ่งให้ความสุขไปอีกแบบ แตกต่างจากการมองภาพถ่าย (มองหุ่นนิ่งแล้วเขียน)

2. ทำให้รู้จักการควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจ "ใจร้อน..จะเขียนสีน้ำไม่ได้" ถึงทำได้ก็ไม่ได้ดี และหากเอ้อระเหยช้าไปก็ลำบากเหมือนกันความกลมกลืนและแยกชั้นของสีน้ำก็ไม่เกิด ช้าหรือเร็วไปไม่ได้เลย แต่ต้องพอดีเรื่องเวลา...

3. จงเป็นคนสังเกต อะไรคือแสงอะไรคือเงา สีน้ำไม่เหมือนสีน้ำมันที่จะลงทับสีกันกี่ครั้งก็ได้หรือเติมขาวได้ทุกเมื่อ เพราะสีน้ำต้องเว้นที่สำหรับจุดไฮไลท์หรือสว่าง ไม่ใช้สีขาวระบาย ต้องคำนวณและวางแผนการลงระดับสีให้ดีก่อนลงมือ ไม่งั้นภาพจะเน่าได้ "ภาพสีน้ำจะต้องโปร่งและสะอาด" สีน้ำลงเปรอะมันคือสีโปสเตอร์ผิดแนวไป.. ป้ายพู่กันน้อยครั้งกว่า ทำอย่างว่องไวถูกที่ถูกเวลา ภาพที่ได้โปร่งสะอาด นั่นคือสีน้ำ

4. "งาน Digital สวย ดี แต่ไม่มี spirit แต่งานฝีมือภาพสีน้ำแบบนี้มันมี จิตวิญญาณมองแล้วจับต้องได้ รู้สึกได้เลย" คำจากอาจารย์ประทีป ศิษย์ที่ว่าน่าจะเป็นคนสุดท้ายของอาจารย์ศิลป์

5. แต่กระนั้นเลยอาจารย์เองก็สอนว่าจะลงสีแบบแห้งหรือเปียกก้ได้ไม่มีผิดหรือถูกแล้วแต่ styleของแต่ละคน

โดยสรุปสิ่งที่เราได้จากสีน้ำคือทำให้เราใกล้ชิดกับธรรมชาติหรือสิ่งต่างๆมากขึ้นและเห็นความสวยงามกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

ใครจะคิดว่างานดราไม่สวยคอนนี้ผมไม่ได้ให้น้ำหนักมากแล้ว เพราะความสุขที่ผมได้รับมันได้กับผมไปแล้วเต็มๆกับภาพเหล่านั้น

"อยากให้ทุกคนมีความสุขกับสีน้ำนะครับ" ^__^

Friday, September 04, 2009

เหตุทีึ่ชอบหนัง รัก | สาม | เศร้า |


วันนี้วันหยุดก็..เรื่อยๆเหมือนทุกๆครั้ง แต่วันนี้ฝนไม่ตกทั้งทีึ่ตลอด6-7 วันมานี้ตกตลอด เราเลยนั่งเล่นแต่ในห้องกะดูหนังนอนเล่นในห้อง
ก็มาสะดุดที่หนังรักสามเศร้า โดยนี่เป็นรอบที่สามหรือสี่แล้วมั้ง ไม่เคยเบื่อเลย ก็เลยมานั่งคิดทบทวนว่าทำไมวะ เหตุการณ์ไหนวะเลยอินกะหนังเรื่องนี้จัง..

คิดนิ่งๆซักพักจึงได้พบว่ามันเป็นเหตุการณ์เมื่อ16-17 ปีก่อน ตอนอยู่ปวช. (ออกจากเรียนม.4มาปีนึง) ได้มาเจอเด็กรุ่นน้องตอนม.3โรงเรียนเก่ามาเข้า ม.4 โรงเรียนที่เราออก และเรามาพบน้องเค้าที่โรงเรียนนี้ แล้วอะไรไม่รู้มันดันกลับบ้านทางเดียวกัน บ้านก็ไม่ได้ไกลกันเลย แต่ทำไมกูเพิ่งมาสังเกตุว่ามีเด็กคนนี้อยู่ด้วยวะเนี่ย.. โคตรน่ารัก อาจจะเป็นเพราะช่วงม.3เราเรียนกะกีฬาเลยไม่ได้สนใจหญิงมากนัก

จำได้ว่าตอนได้สบตากันครั้งแรกนี่ร้อนมาก อึดอัดไงไม่รู้ (คงอารมณ์เด็กๆ เขินๆอายๆแต่อยากบอกชอบแต่ก็ไม่กล้า) ตอนนั้นก็คิดว่าน้องเค้าก็คงยังไม่มีใครเด็กเรียนเหมือนกันและทำกิจกรรมไป ที่ไหนได้มารู้เข้าอีกที ทั้งรุ่นเดียวกัน ทั้งเพื่อนรุ่นพี่ รวมถึงเพื่อนเราเองก็ตามจีบกันใหญ่

สุดท้ายน้องเค้าก็เดินควงกับเพื่อนเรา ก่อนหน้านั่นเพื่อนมันยังพูดับเราอีกว่า "ถ้ามึงไม่กูจีบเลยนะ กูชอบ.." คำนี้อยู่ในหูไม่นานนัก สุดท้ายน้องเค้าก็..เป็นแฟนกะเพื่อนเรา เค้าก็พยายามตีตัวออกห่าง มิหนำซ้ำช่วงนั้นเลยอยากมีตีมีต่อย ก็ไม่ได้มีเรื่องกับเพื่อนตัวเองแต่ก็ได้มีเรื่องกับเจ้าพวกเด็กคณะอื่นที่มันมาชอบน้องคนนี้และมันมาหาเรื่องเรา จำได้ว่าตอนนั้นมันปั่นป่วนไงไม่รู้ อ่อนแอแบบไรสาระเลย กินเหล้ากะเพื่อนประชดซ้า.. เข้เอ๊ย!! สบถในความไม่เอาไหนของตัวเองที่หน้าตาและชั้นเชิงสู้ไม่ได้เลยไม่คิดมีแฟน ไม่มองหญิงจนจบปวช.เลย..

แต่พอมาถึงวันนี้ได้คิดถึงมันกลับรู้สึกตลกดี และดีเนอะเคยผ่านแบบนี้มาด้วยอย่างกะ MV ในทีวีเลย สุดท้ายเพื่อนเราเองก็ได้แต่งงานกะเพื่อนเราเองจริงๆที่เรียนกันมาตั้งแต่ม.ต้นอยู่ห้องเดียวกันเลย 55 แม่งโคตรขำ แต่ถือว่ามันคิดดีและโชคดีมากเพราะเพื่อนในห้องเราจะว่าไปน่ารักเหมือนกันเลย (ในห้องมีแต่หญิงหน้าตาดี ^^' )

ดูหนังดีดีที่มันโดน..นี่มันสนุกจริงๆ

ว่าแล้วมีเวลานี่ก็อย่าลืมหาหนังดีดีมาดูซักเรื่องนะ แล้วจะรู้ว่าเราได้พบอะไรดีดีในชีวิตด้วย..

Enjoy Movie !! ^__^

Monday, August 03, 2009

อยากเขียนขอนิดนึง..


หึหึ..จะนอนอยู่แล้วก็ไม่วาย ขอมายุกยิกๆหน้าคอมพ์ซักหน่อย เนื่องจากมันวิ้งๆเหม่อๆอะไรไม่รู้ เพิ่งจะอาบน้ำมาเสร็จมาดๆๆด้วยเดี๋ยวก็จะได้เข้านอนแล้ว ตอนนี้สบายตัว....

จะว่าไปวันนี้แรงขี้เกียจมันเยอะจัดว่าจะหัดวาดเส้นก็ดันไม่มี inspire เข้าซะงั้น โรคขี้เกียจเป็นโนบิตะนี่ขอให้บอก ไอ้ดอยถนัดนัก ก็เลยเอาหนังพี่ยุทธเลิศมานั่งดูแทน ดูเสร็จกลายไปเป็นจับผิดว่าเอ๊ะดูรอบนี้ น้องพีคดูสวยและเล่นดีกว่าก้อยอีกนะเนี่ย แต่ก็ยังได้อรรถรสดีเหมือนเดิม..

เอาเป็นว่าพรุ่งนี้่จะต้องหาเวลาทำแล้วเพราะวันนี้ดูหนังไปแล้ว เดี๋ยวไฟที่ตัวกับเอ็นที่มือจะหมดสภาพไปเสียก่อน..

เอาละไปนอนดีกว่า..

Thursday, February 26, 2009

หกขะล้ม


ร้อน..ร้อน..ร้อนนน..ทำไมถึงได้ร้อนอย่างนี้น้าา.. ผมก็มัดแล้วก็ยังมีเส้นเบาๆเล้กๆมาตวัดไปตวัดมาแนบบนแก้มเนอะๆ ยิ่งชวนรำคาญใหญ่

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อกี้นี้พ่อโทรมาคุยด้วยก็คุยตลอดทางตั้งแต่ 7-Eleven จนข้ามถนนที่เต็มไปด้วยรถ บุกมาถึงห้อง ช่วงที่กำลังขึ้นบันไดนี่แหละทีเด็ด พอเราร้อนเราก็ขาดสติได้ง่าย ไม่ค่อยระวัง มัวคิดมัวพุดอะไรไม่มองทาง ขาซ้ายกำลังจะขึ้นขั้นที่สี่ แต่ขาขวาไม่ได้เหยียบอะไรแล้ว มันแปรีดขอบบันไดไปแล้ว
ครั้นพอจะควบคุมด้วยขาขวาก้สายไปเสียแล้ว ไอ้ดอยร่วงลงไปแล้ว
Moto V8 ของพี่ต้องมีรอยบากเหมือนแผลเป็นตรงขอบข้างฝาพับ(ดีที่ไม่หัก..แข็งแรงมาก ของเค้าดีเจงๆ) แต่เข่า ข้อมือขวา ปวด บวมไปตามๆกัน
สงสัยจะร้อนไปหน่อยแล้วไม่ระวังความรู้สึกตัวเองเลย มาเขียนบันทึกอารมณ์ตัวเองไว้เตือนใจซะหน่อย


.....
สติ จงกลับมา .....

Wednesday, February 25, 2009

Sunset @ Pak Kret



Originally uploaded by dDoi

Around 6.30 pm after I come out from toilet to car park. I see this shot. It make me calm...

Friday, February 06, 2009

GR Digital II ^__^




ออกอาการเห่อกันนิดนึง เพราะวันนี้เพิ่งจะไปถอยเจ้ากล้องcompact ของ Ricoh มาได้แล้ว หลังจากที่ตัดสินใจยากเสียเหลือเกิน ระหว่าง GRD หรือ GX200 เพราะราคาเท่ากันเลย..แต่ด้วยความที่ ความรู้กล้องศูนย์ ประสบการณ์การถ่ายภาพต่ำ รู้แต่เพียงว่าดูแล้วอันไหนสวยก็เลือกอันนั้นเพราะมันเล็กพอกัน ก็เลยเอาเจ้า GR มาเลย นับจากนี้คงต้องศึกษาเรื่องสงเรื่องแสงและการถ่ายภาพจากผู้รู้อีกแยะเลย คงได้มันส์กันละที่นี้ หลังจากที่อารมณ์ค้างเพราะไม่มีตังค์ซื้อfilm สมัยก่อนเพราะเสียดายถ่ายเล่นไม่ได้ (แพง) ตอนนี้ก็จะไ้ดถ่ายเล่นสมใจอยาก.. เหอๆๆ.. เหมือนเด็กเก็บกดเหมือนกันนะนี่เรา แล้วไงถ้าได้รูปเยอะขึ้นๆ Flickr ของเราคงหนุกหนานขึ้นอีกเป็นกองเลย.. ง่วงแล้ว ไปนอนดีกว่า..

Monday, January 19, 2009

อิ่มดี.. ข้าวโอ๊ต






เนื่องจากช่วงนี้ซื้อ Quaker ข้าวโอ๊ตยี่ห้อนึงจาก Tesco Lotus ตัวนี้นำเข้าจากมาเลย์ซึ่งราคาก็ไม่แพงมาก มากินแทนอาหารเช้า ก็ดีนะอิ่มดีๆ รู้สึกได้เลย
ไม่ต้องใช้เยอะมากด้วยตอนทำ ที่ทำตอนนี้ก็ผสม Supreme Chocolate Blend Swiss Formula ของ Ovaltin ดู รสชาติขรึมๆได้ใจ แรกๆรับไม่ค่อยได้ แต่พอทานไปๆก็ชิน ง่ายดี อิ่มดี(ย้ำๆ อิอิ) ก็เลยไปหาข้อมูลมาว่ามันมีข้อดีอะไรบ้างเจ้าข้าวโอ๊ตเนี่ย.. ลองอ่านกันดูนะ
*******************************
ข้าวโอ้ต....กับสุขภาพ


เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่า อาหารที่มีปริมาณเส้นใยสูง
มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพ คนที่กินอาหารที่มีเส้นใยสูงเป็น
ประจำ จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
โรคระบบทางเดินอาหาร กระทั่งโรคมะเร็งลดลง เพราะเส้นใย
อาหาร เข้าไปเป็นตัวขับเคลื่อน ให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
โดยเฉพาะลำไส้เราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดอาการ
ท้องผูก
ดร.โจเซฟ คีแนน แห่งมหาวิทยาลัยมินิโซต้า ทำการวิจัยเกี่ยวกับผลของใยอาหารที่ละลายน้ำได้
มีความเกี่ยวพันกับโรคหัวใจว่า "ธัญพืชเป็นแหล่งของใยอาหารที่ดีที่สุด และมีส่วนช่วยในการลดความ
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย (หัวใจวาย) ซึ่งใยอาหารที่ละลายน้ำได้นั้น มีประสิทธิภาพในการ
ช่วยลดโคเลสเตอรอล แหล่งอาหารที่มีใยอาหารที่ละลายน้ำ ได้แก่ ข้าวโอ้ต ข้าวบาร์เลย์ ผลไม้ที่มีเปคินสูง
ถั่วเมล็ดแห้ง และเม็ดแมงลัก"

และถ้าจะพูดถึง "ข้าวโอ้ต" ก็เป็นอาหารที่มีความน่าสนใจ ต่อสุขภาพอย่างมากชนิดหนึ่ง
เลยทีเดียว เพราะมีการวิจัยเรื่องข้าวโอ้ตโดยเฉพาะ และพบว่าข้าวโอ้ตมีประสิทธิภาพในการลด
โคเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งเป็นโคเลสเตอรอลที่มีความหนาแน่นต่ำ (LDL,Low-density
lipoproteins)

ข้าวโอ้ตช่วยลดโคเลสเตอรอลได้อย่างไร?

โคเลสเตอรอลจะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของกรดน้ำดีในตับ ซึ่งจะถูกลำเลียงไปยังลำไส้เล็ก
เพื่อช่วยในการย่อยไขมัน เมื่อคุณทานข้าวโอ้ตเข้าไป ใยอาหารส่วนที่ละลายน้ำได้ จะทำให้เกิดเป็นวุ้น
ไปล้อมกรดน้ำดีในลำไส้เล็ก เมื่อกรดน้ำดีถูกล้อม ด้วยใยอาหารส่วนที่ละลายน้ำได้เหล่านี้ ก็จะไม่ สามารถถูกดูดซึมผ่านผนังลำไส้เล็กอีกได้ และถูกขับออกทางอุจจาระ ขณะเดียวกันตับก็จะดึง
โคเลสเตอรอล ในกระแสเลือดมาใช้เพื่อ สร้างกรดน้ำดีใหม่ ดังนั้นจึงเป็นผลให้ระดับโคเสลเตอรอลลดลง


จากงานวิจัย 2 ชิ้นที่ตีพิมพ์ใน Journal of the American Medical Association
แนะนำว่าปริมาณข้าวโอ้ตที่ควรกินแล้ว ได้ประโยชน์กับสุขภาพ คือ ข้าวโอ้ตสุก 1 1/2 ถ้วย ต่อวัน
(เท่ากับปริมาณข้าวโอ้ตดิบ 3/4 ถ้วย) หากกินข้าวโอ้ตตามปริมาณที่แนะนำนี้ ร่วมกับการลดปริมาณ
การกินอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ในแต่ละวัน ก็จะทำให้การลดปริมาณโคเลสเตอรอลได้ผลยิ่งขึ้น

ข้าวโอ้ตยังช่วยลดระดับความดันโลหิตด้วยจริงหรือ?

การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมหรือเกลือต่ำ อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดความดัน
โลหิตสูงได้ ซึ่งข้าวโอ้ตเป็นอาหารที่ไม่มีโซเดียมอยู่เลย ดร.โจเซฟ และคณะ ทำการศึกษาเบื้องต้นใน
ผู้ป่วยจำนวน 20 คน ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ที่ไม่เข้ารับการรักษาใดๆ เลย แต่หันมากินข้าวโอ้ต
เป็นประจำทุกวัน ผลปรากฏว่า อัตราความดันขณะหลอดเลือดหดตัว(systolic pressure) ลดลง
8 มิลลิเมตรปรอท และอัตราความดันขณะหลอดเลือดขยายตัว(diastolic pressure) ลดลง
3 มิลลิเมตรปรอท ส่วนรายละเอียดที่ศึกษาลึกกว่านี้ยังดำเนินไปเพื่อหาข้อสรุปที่แท้จริงและเชื่อถือ
ได้ต่อไป
ข้าวโอ้ต ช่วยในเรื่องความไวต่ออินซูลินด้วย

นอกจากจะศึกษาว่าใยอาหารที่ละลายน้ำได้ในข้าวโอ้ตมีผล
ต่อการการลดระดับโคเลสเตอรอลและความดันแล้ว ก็ยังมี การศึกษา
รวมไปถึงเรื่องความไวต่ออินซูลินด้วย โดยพบว่า ข้าวโอ้ต
สามารถเพิ่มความไวต่ออินซูลินได้ จากการศึกษาผู้ป่วยความดัน
โลหิตสูง 20 คน ของดร.โจเซฟ สรุปผลว่าอาหารที่มีใยอาหาร
ที่ละลายน้ำได้ จะช่วยให้เกิดการดูดซึม น้ำตาลกลูโคสจากลำไส้
ช้าลง ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร
ลดลงเป็นผลให้ร่างกายใช้อินซูลินน้อยลงไปด้วย


นอกจากนี้ยังพบว่าคนที่กินข้าวโอ้ตจะรู้สึกอิ่มนาน เพราะรำข้าวโอ้ต และใยอาหารที่ละลายน้ำได้
ในข้าวโอ้ต จะดูดซึมน้ำไว้ในปริมาณมาก ซึ่งจะทำให้กระบวนการย่อยอาหารเป็นไปอย่างช้าๆ จนทำให้
รู้สึกอิ่มได้นาน นับว่าน่าจะเป็นอาหารของผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะช่วยลดความหิวหรือ
ความอยากกินบ่อยครั้งลงได้

**********************

ข้าวโอต  เป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี เพียงกะเทาะเปลือกนอกออก แล้วทุบจนเมล็ดข้าวแบน จากนั้นนำไปอบจนกรอบและมีกลิ่นหอม  ดังนั้นข้าวโอตจึงมีสารอาหารธรรมชาติอยู่อย่างสมบูรณ์โดยเฉพาะวิตามินชนิดต่างๆ ทั้งวิตามินบี 1  บี 2  บี 5  บี 6  และวิตามินอี  ส่วนแร่ธาตุที่มีมากคือแคลเซียม ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม เหล็ก แมงกานีส ซีลีเนียม มีเส้นใยสูงปราศจากคอเลสเตอรอล
          ข้าวโอต ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอลรวมและคอเลสเตอรอลร้าย (LDL) ลดความดันโลหิต  ในข้าวโอตมีเส้นใยชนิดละลายน้ำ ทำให้ร่างกายดูดซับคาร์โบไฮเดรตได้ช้า มีผลช่วยควบคุมการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดให้ขึ้น-ลงช้า จึงเป็นผลดีต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน  นอกจากนั้นข้าวโอตยังช่วยกระตุ้นระบบประสาท เมื่อรับประทานข้าวโอตจะรู้สึกมีแรง กระปรี้กระเปร่า
          ข้าวโอตมีขายหลายชนิด มีแบบกะเทาะเปลือกแล้วทุบแบน อบให้กรอบ (oat snack) บรรจุถุง และบรรจุขวด ราคาไม่แพง รับประทานเป็นของขบเคี้ยวก็อร่อย ใส่เป็นส่วนผสมในเค้ก คุกกี้ ใส่ในเครื่องดื่มร้อน เช่น นมสด น้ำเต้าหู้ หรือทำเป็นซุป โจ๊ก ใส่รวมกับข้าวต้มข้าวกล้องก็อร่อย แต่ต้องใส่เป็นอันดับสุดท้ายจึงจะไม่เละ   อีกชนิดคือข้าวโอตสุกเร็ว (oatmeal) เป็นข้าวโอตทุบแบนจนเป็นชิ้นเล็ก ต้มจนสุกก่อนนำไปอบกรอบ ทำเป็นอาหารเช้าโดยผสมกับนม น้ำอุ่น หรือทำเป็นมูสรี่   รำข้าวโพด (oat bran) มีลักษณะเป็นชิ้นเล็กๆ นิยมนำมาใส่เป็นส่วนผสมของขนมอบ เช่น มัฟฟิน เค้ก
          ข้าวโอต ควรเลือกซื้อมาในปริมาณที่พอใช้ในแต่ละครั้งเท่านั้น เพราะถ้าเก็บไว้นานกลิ่นจะไม่หอม ถ้าเก็บไม่ดีก็จะเหม็นหืน ในกรณีที่ซื้อมาเป็นกระป๋องหรือถุงเล็ก แล้วรับประทานไม่หมดในครั้งเดียวให้เก็บใส่กล่องที่มีฝาปิดสนิท อากาศเข้าไม่ได้ แต่ไม่ควรเก็บนานเป็นเดือนเพราะจะเหม็นหืน
          การรับประทานข้าวโอตเพื่อให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ควรรับประทานวันละ 15 กรัม จะทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า หากรับประทานวันละ 50 กรัมขึ้นไป จะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้

Friday, January 16, 2009

iPhone 3G in Thailand







เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย้นของวันนี้ สำหรับ iPhone 3G by Truemove เมื่อเย็นทีึ่ผ่านมา.. แต่พิธีเปิดก็มีคนประมาณนึงจะว่าเพราะ hall ที่ Paragon มันใหย่ด้วยมั้ง แต่งานก็มียาวดี ดีกับคนที่มางานจะได้สนุกๆกับ Concert กันไป เพราะหลักๆ้ไม่มีอะไรมากนอกจากสรุปคำสำคัญเรื่องราคาPackage ของ iPhone, เรื่อง App. ที่จะติดตั้งให้เลยถ้าซื่อจาก True ซึ่งก็ใช้เวลาไม่มากที่เหลือก็เป็นการส่งมอบเครื่องให้ลุกค้าเข้าคิว แล้วก็มีดนตรี show ต่างๆหน้าเวทีของหลายศิลปินกับพิธีกร แสดงกันจนมืดจนค่ำเลย True Wifi ก็ร่วมๆ16,000 ทั่วประเทศ อยากได้มัียก็ชอบแต่ไม่ถึงขั้นจะซื้อเอามาให้ได้ เพราะตัวเองเรื่องมากเลยขอรอดูไปอีกซักพักก่อนดีกว่า.. (ที่จริงจะเอาตังค์ไปวื้อกล้องมาถ่ายรุปเล่นมากกว่าอะ) แต่ที่แน่ๆต้องไปหัดเล่นด้วยไม่งั้นใช้ไม่เป็นโดนดุแน่เลย ^^..

Sunday, January 11, 2009

ปีใหม่ปีนี้หนาวแหะ...

อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-27 องศา


ไม่มีอะไรมากแค่รู้สึกว่าตอนนี้ต้องการ focus ไปที่อะไรบางอย่างจะได้ลืมหนาวได้บ้าง กระโดโลดเต้นก็แล้ว จั้มๆๆ..ไปซื้อแฮมเวฟร้อนๆจากเซเว่นก็แล้ว..ก็ช่วยได้นิดหน่อยแล้วพอมาตอนนี้ได้กดๆคีย์บอร์ดก็ลืมหนาวไปแล้วแหะ..
สงสัยปรับตัวได้แล้ว.. ดีดีดีดี..จะได้ไปอาบน้ำซะที.. ไปดีกว่า.. อิอิ ^^

Saturday, January 10, 2009

การทำ Repair Permission บน Mac OS X El Capitan ด้วย Command Line

เนื่องด้วยว่า Finder บน Mac ทำงานดูช้าๆ และที่แปลกคือรูป Icon กุญแจใน System Preferences หายไป และพอเข้าไปใช้ Disk Utility ในแฟ้ม Applicatio...