Sunday, October 30, 2016

การทำ Repair Permission บน Mac OS X El Capitan ด้วย Command Line

เนื่องด้วยว่า Finder บน Mac ทำงานดูช้าๆ และที่แปลกคือรูป Icon กุญแจใน System Preferences หายไป และพอเข้าไปใช้ Disk Utility ในแฟ้ม Application เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยคำสั่ง Repair permission ก็ไม่ดีขึ้น

พอเปลี่ยนไปใช้ maintenance tool อย่างเช่น Onyx app ก็ไม่ดีขึ้น แต่ได้ข้อความแจ้งกลับมาว่า ให้ Restart เครื่องแล้วกดปุ่ม Command + R แล้วเข้า Recovery mode เพื่อแก้ด้วย Disk Utility อีกทีเท่านั้น
แต่นั้นก็ไม่ใช่ทางออกเพราะเครื่องผมเข้า recovery mode ไม่ได้เพราะลืม Firmware Password แถมใบเสร็จก็หายตามไม่ได้อีกด้วย คือเครื่องนี้ OS พังคือจบเกมส์ T-T



ก็เลยลองใช้คำสั่ง Repair permission ผ่าน Terminal ดูปรากฏว่าช่วยได้ครับ ระบบกลับมาใช้งานได้ดีขึ้นและ iCon รูปกุญแจก็มาด้วย วันนี้เลยจะเอาคำสั่งตัวนั้นมาโชว์ให้ดู สั้นๆง่ายตามที่เห็นด้านล่าง

sudo /usr/libexec/repair_packages --repair --standard-pkgs --volume /

ถ้าใครใช้ OS X El Capitan อยู่แล้วใช้คำสั่งแค่
diskutil repairPermissions / ผมลองแล้วมันไม่ work นะครับ ถ้า Version ก่อนหน้าอาจโอเค

ลองดูนะครับ :)

Thursday, July 31, 2014

การใช้คำว่า Like, Alike และ Likely


Like ถ้าเป็นกริยาแปลว่า "ชอบ" เช่น I like you : ฉันชอบคุณ
แต่ถ้า like เป็น adj. เช่น I am like you หรือ I look like you จะแปลว่า ฉันเหมือนคุณ โดย look เป็นกริยา
ที่ทำหน้าี่เหมือน Verb to be  (is, am, are) นั่นเอง

หลายๆคนคงเห็นคำว่า  alike ซึ่งมีความหมายว่า "เหมือน" เช่นกัน แต่ใช้ตอนจบประโยค เช่น
 I look like you จะเท่ากับ You and I are alike.

ส่วน Likely ซึ่งไม่มีความหมายเกี่ยวกับชอบเลย แต่แปลว่า "มีแนวโน้ม" บอกถึงการคาดการณ์ไปในอนาคต
ซึ่งมักใช้คำว่า to be likely to + V1
เช่น The stock price is likely to increase.  ราคาหุ้นมีแนวโน้มสูงขึ้น

สรุป 

Like เป็นกริยาแปลว่า ชอบ เป็น adj แปลว่าเหมือน
Alike ก็แปลว่าเหมือนเช่นกัน แต่มักจะวางไว้ท้ายประโยค

Likely เป็น adj แปลว่ามีแนวโน้ม

Tuesday, July 29, 2014

RADIUS เป็นคำย่อของ Remote Authentication Dial-In User Service (RADIUS) คือ client/server security protocol ซึ่งเป็นผลงานของLucent InterNetworking Systems ที่ได้ทำการคิดค้นขึ้นมา เพื่อรวบรวม account ของ users ให้อยู่แต่เพียงที่เดียว เพื่อง่ายต่อการบริหาร ไม่ต้องทำหลายจุดหลายเซิฟเวอร์ เวลามี users ที่เซิฟเวอร์อื่นๆ ต้องการใช้งาน ก็จะส่งข้อมูลมาตรวจเช็คที่ RADIUS Server นี้

 ทำไมถึงต้องใช้ RADIUS หาก ในระบบของท่านมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก ซึ่งยากต่อการควบคุมการใช้งาน โดยเฉพาะ ในสถานศึกษาที่มีผู้ใช้งานมากๆ RADIUS Server จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

ข้อดีของ RADIUS Server
 - ควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตของ User ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถเก็บ Log File เพื่อตรวจสอบหลังได้ ตามกฎหมายใหม่กำหนดdesktop
- ตรวจสอบ User ที่กำลังใช้งานได้ แบบ Real time
- กำหนดระยะเวลาการใช้งานของ User ได้ เช่น 1 ชั่วโมง, 2 วัน, 3 เดือน หรือ 10 นาที เป็นต้น
 - สามารถ Clear User ที่ไม่ต้องการให้ใช้งานในขณะ On line ได้

 RADIUS Server เหมาะสำหรับที่ไหน?
- อพาร์ทเม้น ที่ให้บริการ อินเตอร์เน็ต ทั้งแบบฟรี และเก็บค่าบริการ
- โรงแรม ที่ให้บริการ อินเตอร์เน็ต ทั้งแบบฟรี และเก็บค่าบริการ
- โรงเรียน, สถานศึกษา ที่มีบริการอินเตอร์เน็ต หรือ เพื่อการเรียนการสอน เพื่อป้องการแอบใช้อินเตอร์เน็ต ขณะรับการสอน
- ผู้ให้บริการ Wireless Internet (WiFi HotSpot) 
ที่มา : http://www.star-internet.com/web/content/view/35/1/

 มารู้จักกับ RADIUS กัน 
คือ วิธีการมาตรฐานของการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ที่ควบคุมการใช้งานเน็ตเวิร์ค (Network Access Server) กับผู้ใช้งาน (Access Clients) และอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งาน (Radius Server)

 องค์ประกอบพื้นฐานของ RADIUS Server 
1. Access Clients คือ เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานสั่งให้ติดต่อระบบเพื่อใช้งาน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลูกค้า Individual ใช้งาน โดยใช้ โปรแกรม Dial-Up Net working สั่งงาน Modem ให้ Connect เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต

 2. Network Access Servers (NAS ) คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อและจัดการการติดต่อระหว่าง Access Clients และ RADIUS Server ซึ่ง NAS จะทำหน้าที่เป็น Client เชื่อมต่อกับ RADIUS Server ส่งผ่านและจัดการข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบสิทธิ์ กำหนดสิทธิ์ ของ Access Clients เมื่อ Access Clients ร้องขอการต่อเชื่อมซึ่งจะต้องต่อเชื่อมมายัง NAS ผ่านโพรโตคอลที่ใช้ในการต่อเชื่อมต่าง ๆ เช่น PPP (Point-to-Point Protocol), SLIP (Serial Line Internet Protocol), Extensible Protocol อื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการส่งผ่าน Username และ Password จาก Access Clients มายัง NAS หลังจากนั้น NAS จะส่งข้อมูลที่จำเป็นต่าง ๆ เช่น Username, Password, NAS IP Address, NAS Port Number และข้อมูลอื่น ๆ ไปที่ RADIUS Server เพื่อขอตรวจสอบสิทธิ์ (Request Authentication)

 3. RADIUS Server ทำการตรวจสอบสิทธิ์โดยใช้ข้อมูลที่ NAS ส่งมา (Access-Request) กับข้อมูลที่จัดเก็บไว้ใน RADIUS Server เอง หรือจากฐานข้อมูลภายนอก อื่น ๆ เช่น MS SQL Server, Oracle Database, LDAP Database หรือ RADIUS Server อื่น (ซึ่งเรียกการส่งผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แบบนี้ว่า Proxy) ในกรณีที่ข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง RADIUS Server จะส่งผลยินยอมการเชื่อมต่อ (Access-Accept) หรือ ไม่ยินยอม (Access-Reject)
ในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้อง แก่ NAS หลังจากนั้น NAS จะเชื่อมต่อหรือยกเลิกการการต่อเชื่อมตามผลที่ได้รับจาก RADIUS Server ซึ่งตามปรกติแล้ว NAS จะขอบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เช่น วันที่ เวลา Username และข้อมูลอื่น ๆ ไปที่ RADIUS Server (Accounting Request) เพื่อให้ RADIUS Sever จัดเก็บข้อมูลหรือส่งต่อไปที่ RADIUS Server อื่น จัดเก็บเพื่อใช้ในการประมวลผลอื่น ๆ ต่อไป

 RADIUS Package คือ ข้อมูลที่ถูกส่งหรือรับระหว่าง RADIUS Server และ RADIUS Client (หมายถึง NAS) มีรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้ตามมาตรฐานของ RFC 2685 Remote Authentication Dial In User Service (RADIUS) และ 2866 RADIUS Accounting. มีคุณสมบัติดังนี้

เป็นข้อมูลที่ส่งหรือรับกันระหว่าง RADIUS Server และ RADIUS Client อยู่ในรูปแบบของการร้องขอและตอบกลับ (Request /Response) คือ RADIUS Client ส่งการร้องขอไปยัง RADIUS Server และ RADIUS Server ตอบกลับการร้องขอของ RADIUS Client แต่ละ Package จะต้องระบุจุดประสงค์ของการติดต่อ คือ Authentication หรือ Accounting แต่ละ Package จะบรรจุข้อมูลที่เรียกว่า Attributes ซึ่งใช้ในการตรวจสอบสิทธิ์กำหนดสิทธิ์ และเก็บบันทึกการใช้งาน การกำหนดค่าเบื้องต้น

สำหรับ RADIUS Server และ Client RADIUS Server กำหนดเพื่อให้ RADIUS Server สามารถติดต่อกับ RADIUS Client แต่ละตัวได้ ซึ่งมีข้อมูลที่ต้องกำหนดให้ RADIUS Server ดังนี้

 IP Address ของ NAS RADIUS shared secret ยี่ห้อ และ รุ่นของ NAS ที่ใช้ในกรณีที่ไม่มีหรือไม่ทราบให้เลือกเป็น – Standard Radius -. ** RADIUS Server จำเป็นต้องระบุ UDP Port เพื่อใช้สำหรับรับและส่ง Authentication และ Accounting Package ระหว่าง RADIUS Server และ RADIUS Client RADIUS Client ต้องกำหนดค่าต่าง ๆ บน NAS เพื่อให้สามารถติดต่อกับ RADIUS Server ซึ่งต้องกำหนดค่าต่าง ๆ เหล่านี้บน NAS ทุกตัวที่ติดต่อกับ RADIUS Server IP Address ของ RADIUS Server RADIUS shared secret UDP Port เพื่อใช้สำหรับส่งและรับ Authentication และ Accounting Package

 ** สำหรับ RADIUS shared secret และ UDP Port จะต้องกำหนดให้ตรงกับที่ระบุไว้ที่ RADIUS Server RADIUS Shared Secret ใช้สำหรับตรวจสอบความถูกต้องของการติดต่อระหว่าง RADIUS Server กับ RADIUS Client ซึ่ง Shared Secret จะเป็นตัวหนังสือ (ตัวเล็กและตัวใหญ่มีความแตกต่างกัน) หรือตัวเลขที่ต้องกำหนดให้ตรงกันทั้ง RADIUS Server และ RADIUS Client แต่ RADIUS Client แต่ละตัวไม่จำเป็นต้องกำหนด Shared Secretให้เหมือนกัน RADIUS Shared Secret จะกำหนดได้ 2 ตัว ดังนี้

Authentication Shared Secret Accounting Shared Secret ในขณะที่มีการขอตรวจสอบสิทธิ์ (Authentication) การจัดส่ง Package Access-Request ระหว่าง NAS และ RADIUS Server เนื่องจากการส่ง Password จะต้องมีความปลอดภัยดังนั้นจึงมีการกำหนดโพรโตคอลเพื่อใช้ในการส่งและรับข้อมูล โพรโตคอลที่นิยมใช้คือ PAP, SHAP, MS-SHAP, MS-SHAP V2 และ EAP ซึ่งเป็นโพรโตคอลที่เกิดขึ้นใหม่ยังไม่แพร่หลายในขณะนี้

อ้างถึง ตัวอย่าง ในโพรโตคอล PAP NAS จะต้องเข้ารหัส (Encrypt) Password ก่อนโดยใช้ Shared Secret และส่ง Package Access-Request นั้นออกไป เมื่อ RADIUS Server รับ Package Access-Request แล้วจะทำการถอดรหัส (Decrypt) Password ที่ถูกเข้ารหัสไว้โดยใช้ Shared Secret แล้วนำไปตรวจสอบ สำหรับในการส่งข้อมูล Accounting จะไม่มีการ Encrypt ข้อมูลแต่ RADIUS Server จะใช้ Shared Secret ในการตรวจสอบความถูกต้องของ NAS ที่จะติดต่อด้วย RADIUS Port RADIUS Server จำเป็นต้องระบุ UDP Port เพื่อใช้สำหรับรับและส่ง Authentication และ Accounting Package ระหว่าง RADIUS Server และ RADIUS Client ซึ่งเริ่มต้นที่ RADIUS ได้ถูกพัฒนาขึ้นผู้พัฒนาได้ใช้ Port 1645 สำหรับการส่งและรับ Package Authentication และ 1646 สำหรับการส่งและรับ Package Accounting

แต่เนื่องจากมาตรฐานนั้นได้มีการกำหนด Port ดังกล่าวสำหรับ “datametrics” ดังนั้น Port ที่เป็นมาตรฐานในปัจจุบันนี้ คือ - 1812 สำหรับการส่งและรับ Package Authentication - 1813 สำหรับการส่งและรับ Package Accounting Password Protocols เนื่องจากการส่ง Access-Request ในขณะที่มีการขอ Authentication มีการส่ง Password จาก NAS ไปยัง RADIUS Server จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของ Password ดังกล่าว ดังนั้นจึงมีการสร้างโพรโตคอลสำหรับใช้งานในส่วนนี้ขึ้นซึ่งได้แก่ PAP (Password Authentication Protocol) ในขณะที่มีการขอเชื่อมต่อ(User Negotiates) จาก Access Clients มายัง NASการส่ง Password ในขั้นตอนนี้จะยังไม่มีการเข้ารหัส (encrypt) ใด ๆ Password จะจัดส่งในรูปแบบ “Clear Text” เมื่อ NAS รวบรวมข้อมูลที่เพียงพอสำหรับสร้าง Access-Request แล้ว NAS จะ Encrypt Password โดยใช้ Authentication Shared Secret ที่ถูกกำหนดไว้ แล้วส่ง Access-Request ดังกล่าวไปยัง RADIUS Server เมื่อ RADIUS Server ได้รับ Access-Request จาก NAS แล้วจะทำการ Decrypt Password ที่ได้รับโดยใช้ Authentication Shared Secret ที่จัดเก็บไว้สำหรับ NAS ตัวดังกล่าว

** โพรโตคอล PAP สามารถใช้ได้กับ RADIUS Server ทุกตัว CHAP (Challenge Handshake Authentication Protocol) สำหรับ CHAP ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการส่ง Password แบบ “Clear Text” ในขณะที่ User Negotiates เมื่อ NAS รับทราบแล้ว NAS จะสร้าง Challenge โดยสุ่มตัวอักษร แล้วส่งกลับไปยัง Access Client เมื่อ Access Client ได้รับ Challenge จะทำการสร้าง Digest คือ นำ Challenge ที่ได้รับมาต่อท้าย Password แล้วทำการ Encrypt แบบ one-way Encryption (MD5 Algorithm) แล้วส่ง Digest นั้นแทน Password ไปยัง NAS NAS สร้าง Access-Request สำหรับการ Authentication และส่งไปยัง RADIUS Server เนื่องจาก Digest ถูกสร้างแบบ one-way Encryption ไม่สามารถ Decrypt ได้ RADIUS Server จึงจำเป็นต้องใช้ Attribute ที่เกี่ยวกับ CHAP Protocol ที่ถูกจัดส่งมาใน Access-Request Package ที่ได้รับจาก NAS ซึ่งมี 2 Attributes ที่เกี่ยวข้องดังนี้

CHAP-Password : Attribute สำหรับ Digest (Password ที่ต่อท้ายด้วย Challenge แล้ว Encrypt ด้วย MD5 Algorithm) CHAP-Challenge : Attribute สำหรับ Challenge ที่ถูกสุ่มขึ้นโดย NAS RADIUS Server ใช้ Challenge จาก CHAP-Challenge ต่อท้าย Password ที่จัดเก็บไว้นำมา Encrypt ด้วยวิธี MD5 แล้วเปรียบเทียบกับ CHAP-Password ที่ได้รับ MS-CHAP และ MS-CHAP-V2 MS-CHAP (Microsoft Challenge Handshake Authentication Protocol)

ทั้ง 2 เวอร์ชั่น ของ MS-CHAP ใช้วิธีการของโพรโตคอล CHAP แต่มีส่วนเพิ่มเติมขึ้นโดย Microsoft ข้อมูลเพิ่มเติมให้ดูที่ RFC 2433 2548 และ 2759. สรุปขั้นตอนการ Authentication วิธีและการกำหนดลำดับการ Authenticate (Authentication Method) Native User Authentication คือการตรวจสอบ Username Password หรือ ข้อมูลอื่น ๆ จากข้อมูลที่ RADIUS Server จัดเก็บไว้ที่ตัวเอง ซึ่งเราเรียกสั้น ๆ ว่า Native User Pass-Through Authentication คือการส่งผ่านการ Authenticate ไปยังระบบการตรวจสอบอื่น ๆ เช่น Windows NT Database , Active Directory ใน Windows 2000 , ACE/Server (SecurID) หรือ TACACS+ Server Proxy RADIUS Authentication คือการส่งผ่านการ Authenticate ไปยัง RADIUS Server ตัวอื่นเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบแทน และส่ง Access-Accept หรือ Access-Reject กลับมาที่ RADIUS Server ตัวเดิม เพื่อจัดส่งให้กับ NAS ต่อไป External Authentication คือการตรวจสอบที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง RADIUS Server กับฐานข้อมูลต่าง ๆ เช่น Microsoft SQL, Oracle Database หรือ LDAP Server Database

RADIUS Server จะขอข้อมูลที่ต้องการ เช่น Username, Password จากฐานข้อมูล แล้วนำมาเปรียบเทียบกับ Access-Request Authenticate-Only Request เราสามารถกำหนดให้ RADIUS Server แจ้งเฉพาะผลการ Authenticate เท่านั้นใน Access-Accept หรือ Access-Reject โดยการกำหนดค่า Service-Type ที่ NAS เป็น AuthenticateOnly (Cool นอกจาก RADIUS Sever สามารถ Authenticate ได้หลายวิธีตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว เรายังสามารถกำหนดลำดับ Authentication Method ดังกล่าว

ให้ทำงานร่วมกันได้ด้วย เช่น กำหนดให้ RADIUS Server Authenticate ตามลำดับขั้นดังนี้ Native User External 1 (SQL Database) External 2 (Oracle Database) การ Authenticate จะมีขั้นตอนดังนี้ RADIUS Server จะตรวจสอบที่ Native User ก่อนในกรณีที่ไม่พบหรือไม่ถูกต้องจะเลื่อนไปตรวจสอบที่ SQL Database และ Oracle Database ตามลำดับ ซึ่ง RADIUS Server จะยังไม่ส่ง Access-Reject จนกว่าจะทำจนครบทุก Method ที่กำหนดไว้

แต่ในกรณีที่ถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด RADIUS Server จะส่ง Access-Accept ไปที่ NAS ทันทีโดยไม่ต้องตรวจสอบจนครบทุก Method Directed Authentication คือ การกำหนดให้ RADIUS Server ข้าม Authenticate Method ที่ได้ถูกกำหนดไว้ที่ Authenticate Method List ไปยัง Authenticate Method ที่ระบุเลย โดยไม่ต้องตรวจสอบตามลำดับที่กำหนดไว้ เราสามารถใช้งาน Directed Authentication โดยการกำหนด Realm ขึ้นเพื่อใช้ตรวจสอบ

Thursday, January 13, 2011

ดื่มน้ำรักษาโรค ดื่มน้ำเพื่อชีวิต





มารู้จักน้ำดื่มดื่มน้ำกัน
เริ่มจากแค่ความปกติกับความเย็นเจี๊ยบจากน้ำที่เราดื่มก็มีผลกับกระเพาะแล้ว ตื่นแต่เช้ามาถ้าดันไปซัดน้ำเย็นก็เท่ากับทำให้กระเพาะมันเกร็งตัวไปซึ่งก็ไม่ดี แต่หากเปลี่ยนเป็นจากดื่มน้ำอุณหภูมิปกติแทนก็จะดีกับลำไส้มากกว่าโดยนอกจากจะชดเชยน้ำที่สูญเสียหลังจากการนอนที่ยาวนานแล้ว (ห้องแอร์..จะมากหน่อย) ยังจะทำให้กระเพาะเราเกิดการขับถ่ายในตอนเช้าได้ดีและง่ายด้วย
เคยได้ยินคุณหมอใน YouTube พูดไว้ด้วยว่า หลังกินข้าวเสร็จก็ควรจะพักระยะซักแป๊บหรือ 20 นาทีเพื่อให้ธาตุไฟในร่างกายได้ทำหน้าที่ได้ดีก่อนกับอาหารที่ได้กินไปและกำลังย่อยอยู่ หากเราดื่มน้ำตามทันทีจะเป็นการทำให้ระบบย่อยทำงานได้ยากขึ้นและเพิ่มลมในร่างกายอีกต่างหาก เพราะน้ำไปลดไฟ และถ้ามีมากขึ้นๆของเสียในท้องเรากระเพาะเราก็สะสมได้หรือมากเข้่าก็ท้องผูกหรือเป็นเกี่ยวกับโรคกระเพาะหรือลำไส้กันไป
พูดมาอย่างนี้แล้วก็ลองเอาไปพิจารณาและปรับให้เข้ากับเรากันนะครับแล้วจะเห็นผลลัพธ์กันเอง ใครทำใครได้ของแบบนี้ :)
นอกจากจะแก้กระหายคลายร้อนรักษาสมดุลในร่างกายรวมถึงเพิ่มความไหลลื่นของเลือดให้ดีขึ้นแล้ว น้ำ..ถ้าเราได้ทานอย่งเหมาะสมและถูกเวลาแล้วนั้นก็จะกลายเป็นยารักษาโรคได้ด้วยครับ แต่หลายแหล่งก็ให้ความหมายหรือวิจงวิจัยแตกต่างกันไปก็ใช้ปัญญาน้อยๆของเราพิจารณากันด้วยนะครับ
แล้วทีนี้จะให้ดื่มยังไงตอนไหนดีละ.. พูดแบบง่ายๆนะครับ
ตื่นนอนจัดไป 3 แก้ว (อย่าซีเรียสครับเอาพอดีเรา..เดี๋ยวทำบ่อยๆก็เพิ่มให้ได้เยอะๆเอง)
สายๆ 9โมง 10โมง เติมไปอีก 3 แก้ว
บ่ายๆ..บ่ายโมงถึงบ่ายสองอะไรเงี้ย เอาอีก 3 แก้ว
ตอนเย็นหลังเคารพธงชาติ เอาอีก 3 แก้ว
และก่อนนอน 1 แก้วพอครับ

ไม่เหลือบ่ากว่าแรงครับกินน้ำ.. พอกินเหล้านี่เห็นเติมกันไม่ยั้งไม่ต้องรอหมอบอกเลย (ฮา)
คราวนี้ถ้าจะพูดถึงในลักษณะที่ว่ากินน้ำดื่มน้ำรักษาโรคบ้างนะครับ..

วารสารทางการแพทย์ บอกว่าเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ความเข้มของโลหิตยังสูงและมีผลต่อระบบ ความดันโลหิตในร่างกาย แพทย์แนะนำว่าทันทีที่ตื่นนอนให้ดื่มน้ำทันทีหนึ่งแก้ว เพื่อลดความเข้มของโลหิต พวกเราลองดูละกัน อีกอย่างที่พบมาก็คือ ท่านพุทธทาสก็ทำแบบนี้เหมือนกัน

 เมื่อเร็วๆ นี้ มีคนมากมายส่งเสริมวิธีดื่มน้ำ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์ นี่เป็นแบบนิยมอันดีงามอย่างหนึ่ง ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้นอกจากอากาศที่บริสุทธิ์ก็คือน้ำ

น้ำหนักตัวของคนเรา 2 ใน 3 ส่วนเป็นน้ำจึงมีคนว่าคนประกอบด้วยน้ำ  อันที่จริงน้ำสามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนได้ สามารถทำให้ไตทำงานเป็นปกติขับถ่ายสิ่งโสโครกให้ออกจากร่างกายได้
นายแพทย์แนะนำบ่อยๆ ว่าดื่มน้ำให้มากทุกๆ วัน วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดี ตื่นเช้าลุกขึ้น ไม่ล้างหน้า ไม่บ้วนปาก แล้วดื่มน้ำสุก 5 แก้ว (ขวดวิสกี้บรรจุได้ 3 แก้ว) หรือน้ำหนักของน้ำ 1.26 ก.ก.เท่ากับ 5 แก้วรวดเดียว จะรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดไปหน่อย หลังจากนั้นจะปัสสาวะบ่อยๆ การปฏิบัติยากลำบากเช่นนี้ หากผู้ที่ไม่มีความเชื่อมั่นอาจจะเลิกเสียกลางคัน ผู้ที่ใช้สมองทั้งวันทั้งคืนในธุรกิจการค้า หาเวลาว่างไปออกกำลังมิได้ทุกเช้าควรปฏิบัติดื่มน้ำรักษาโรคแทนการออกกำลังกาย เชื่อมั่นได้ว่าจะต้องปราศจากโรค ชีวิตยั่งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย

ในระยะนี้มีผู้ใจบุญพิมพ์คำอธิบายวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ ส่งไปให้เพื่อนฝูง เพื่อนที่ได้รับรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งการที่ช่วยซึ่งกันและกันแบบนี้ ควรจะเผยแพร่ให้มากขึ้น ผู้เขียนยินดีให้ "วิธีดื่มน้ำรักษาโรคของจีนนี้เปิดเผยให้ผู้อ่านได้มีโอกาสค้นคว้าและทดลอง" ได้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นจริงได้ผลอย่างนี้แน่นอนเนื่องจากทำให้ลำไส้ให¬ญ่ผลิตโลหิตใหม่มากขึ้น ซึ่งโลหิตใหม่นี้ผลิตขึ้นจากฝอยคล้ายสักหลาดที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ดูดธาตุอาหารต่างๆ ผลิตให้เป็นเม็ดโลหิต เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้โลหิตจางมีอาการรู้สึกเพลียและเป็นโรค เป็นการรักษายาก ลำไส้ของใหญ่ยาว 8 เมตร ทำหน้าที่ดูดธาตุต่างๆ จากอาหาร ถ้าลำไส้สะอาดอาหารที่ได้รับประทานเข้าไปผ่านการย่อยแล้วดูดไปผลิตให้เป็นโลหิตใหม่เป็นการเร่งให้เกิดพลังงานในร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้น โรคต่างๆ จะหายไปเองอายุก็ยั่งยืน มหาวิทยาลัยตามมณฑลต่างๆ ในประเทศจีนได้ผ่านการทดลองและประกาศเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกัน 


วิธีดื่มน้ำรักษาโรคสามารถรักษาโรคดังต่อไปนี้ คือ ท้องผูก ปวดหัว เวียนศีรษะ โลหิตจาง โรคประสาท ความดันโลหิตสูง อัมพาตทั้งกาย เป็นลม ปากเบี้ยว โรคปวดตามข้อ โรคอ้วนพี ปวดในกระดูกเส้นเอ็น ปวดเมื่อย หูอื้อ ใจเต้น มือเท้าอ่อนเพลีย โรคไอ โรคหืด หอบ หลอดลมอักเสบ วัณโรค เยื่อสมองอักเสบ โรคตับ โรคไต เป็นนิ่ว กรดเปรี้ยวในกระเพาะอาหารมากเกินไป กระเพาะอืด กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรัง โรคบิด โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน สายตาอ่อน โรคตาต่างๆ ตาออกเลือด สตรีประจำเดือนไม่ปกติ ระดูขาว มะเร็งในมดลูก มะเร็งเต้านม จมูกอักเสบ เจ็บคอ และโรคผิวหนังต่างๆ 

 ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ผ่านการทดลองดื่มมาแล้ว


1. ผู้เขียนได้พบกับผู้ชราที่มีสุขภาพอย่างสมบูรณ์ ได้ทักทายกับท่าน ถามท่านว่าเคยเจ็บไข้หรือเปล่า ท่านตอบว่าหลายสิบปีมาแล้วไม่เคยเจ็บไข้มาเลย ท่านกล่าวว่าตอนที่อายุ 20ปี กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรังนอนอยู่กับที่นานถึง 10 ปี ได้ผ่านการตรวจจากนายแพทย์ 5 ท่าน รักษาฉีดยา รับประทานยา ไม่ได้ผล ต่อมามีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าคุณควรทดลองดื่มน้ำสุกอย่างนี้ ตื่นแต่เช้าหน้าไม่ล้าง ปากไม่บ้วน ดื่มน้ำสุก 5 แก้วทุกๆ วัน อย่าให้ขาดตอน และห้ามไม่ให้รับประทานอาหารก่อนเข้านอน นายแพทย์สั่งเสร็จก็กลับไปโดยไม่ให้ยาไปกิน วันรุ่งขึ้นผมก็ทำตามนายแพทย์สั่ง ดื่มน้ำ 5 แก้วรวดเดียว ในหนึ่งชั่วโมงปัสสาวะ 3 ครั้ง หลังจากนั้นก็รับประทานข้าวต้ม รู้สึกรสชาติของข้าวต้มอร่อยกว่าที่แล้วๆ มาวันที่สองดื่มน้ำ 5 แก้วอีกถ่ายอุจจาระออกมามีเลือดดำปนอยู่มากต่อจากนั้นสามเดือนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีก 10 ก.ก. เวลานี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว นับแต่ได้ปฏิบัติดื่มน้ำมายังไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลย แม้แต่หวัดก็ไม่เคยเป็น


2 เมื่อผมยังเป็นเด็กเคยเป็นเยื่อสมองอักเสบ นายแพทย์สั่งให้ดื่มน้ำ 5 แก้วทุกวัน ไม่นานเยื่อสมองที่อักเสบก็หายไปเอง ภรรยาผมเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นโรคหัวใจและเป็นโรคอ้วนเกินไป ร่างกายสูงไม่เกิน 5 ฟุต น้ำหนักตัว 120 ก.ก. พอดื่มน้ำได้ 15 วัน โรคหัวใจ  โรคประสาท โรคเข็ดเมื่อยก็ค่อยๆ ดีขึ้น ดื่มน้ำได้สองเดือนน้ำหนักตัวลดลงไป 16 ก.ก. เมื่อก่อนเราต้องใช้ยาประจำ นวดไฟฟ้า และรักษาด้วยวิธีเข็มแทงแบบหมอจีนก็ไม่หาย แต่เวลานี้หายไปหมดแล้วจากการดื่มน้ำ


3. อาจารย์ในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเคยแถลงการณ์ร่วมสองครั้ง เกี่ยวกับฝอยคล้ายสักหลาดในลำไส้ผลิตโลหิตขึ้น จนเดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีใครโต้แย้งเลย ไม่ว่าโลหิตจะมาจากไหน แต่ธาตุต่างๆ จะต้องมาจากอาหารอย่างแน่นอน เมื่ออาหารลงไปถึงกระเพาะแล้วผ่านการย่อยลงไปสู่ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ธาตุส่วนมากกลายเป็นของเหลว เมื่อลำไส้ยาว 8 เมตร ดูดธาตุต่างๆ เสร็จก็จะส่งไปสู่ลำไส้ออกของที่ทวารหนักซึ่งเป็นของที่ไม่มีประโยชน์สำหรับร่างกาย 


4. กระเพาะเป็นแผลเน่า ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล โรคความดันโลหิตสูง ดื่มน้ำ 1 เดือนเริ่มเห็นผล กระเพาะบิด 3 เดือนเริ่มเห็นผล ท้องผูก 3 วันก็เห็นผล ท้องเป็นบิดกับปัสสาวะกลางคืนบ่อยๆ ดื่มน้ำ 1 สัปดาห์ก็เห็นผล เข็ดเมื่อยตามข้อ 3 เดือนเห็นผล ผู้สูงอายุเข็ดเมื่อยทั้งร่างกาย ดื่มน้ำ 2 เดือน เห็นผล โดยเฉพาะผู้ที่โลหิตคั่งอยู่ในสมอง เกิดเป็นลมขึ้นเป็นมายังไม่เกิน 3 เดือน ดื่มน้ำเพียงสัปดาห์เดียวก็หายเหมือนเดิม รับรองไม่พิการหรือเป็นอัมพาต
 
    
 ผู้ที่ดื่มน้ำควรทราบ ดื่มน้ำสุกดีที่สุด หากดื่มน้ำประปา ควรจะใส่ขวดไว้แรมคืนให้ตกตะกอนเสียก่อนเพื่อป้องกันท้องร่วง เวลารับประทานอาหารดื่มน้ำได้ตามปกติ แต่หลังอาหารสองชั่วโมงไม่ควรดื่มอีก ก่อนเข้านอนไม่ควรรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามรับประทานน้ำส้มคั้น และจำพวกแอปเปิ้ล ผู้ที่มีโรคประจำตัวดื่มน้ำทีเดียว 5 แก้วไม่ใช่ของง่าย ดื่มน้ำเสร็จทางที่ดีใช้หรือออกกำลังสัก 20นาที คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้ ดื่มน้ำเสร็จให้สูดอากาศเข้าปอดให้มากๆ และนวดที่บริเวณที่สะเอวให้น้ำไหลลงสู่ลำไส้ให้สะอาด ดื่มน้ำวันแรกภายใน 1 ชั่วโมง จะปัสสาวะ 3 ครั้งติดๆ กัน แต่ต่อไป 3 - 4 วัน การถ่ายท้องจะเป็นปกติภายใน 7 - 8 วัน การปัสสาวะเป็นเพียงครั้งเดียว นับแค่นั้นไปจะรู้สึกร่างกายสบาย เวลารับประทานอาหารจะรู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระเพาะลำไส้ได้ถูกชำระสะอาดแล้ว ผู้ที่หมดหวังแล้วจะรอดตายด้วยวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ นี้ จึงเขียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ทุกท่านจงปราศจากการไข้และป่วยต่างๆ

เอาหล่ะ..หลังจากนี้ไปเราคงมีกำลังใจที่จะื่มน้ำอย่างเข้าใจและสนุกขึ้นนะครับ ^^v

Wednesday, September 08, 2010

BRAIN สมอง - สมอง BRAIN



BRAIN สมอง - สมอง BRAIN
AUGUST 13, 2010

มองมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่างกาย (homeostasis) เช่น การเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น หน้าที่ของสมองยังมีเกี่ยวข้องกับการรับรู้ (cognition) อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว (motor learning) และความสามารถอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้
สมองประกอบด้วยเซลล์สองชนิด คือ นิวรอน และเกลีย เกลียมีหน้าที่ในการดูแลและปกป้องนิวรอน นิวรอนหรือเซลล์ประสาทเป็นเซลล์หลักที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าที่เรียกว่า แอกชั่น โพเทนเชียล การติดต่อระหว่างนิวรอนนั้นเกิดขึ้นได้โดยการหลั่งของสารเคมีชนิดต่าง ๆ ที่รวมเรียกว่า สารสื่อประสาท (neurotransmitter) ข้ามบริเวณระหว่างนิวรอนสองตัวที่เรียกว่า ซีแนปส์ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมลงต่าง ๆ ก็มีนิวรอนอยู่นับล้านในสมอง สัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่มักจะมีนิวรอนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านตัวในสมอง สมองของมนุษย์นั้นมีความพิเศษกว่าสัตว์ตรงที่ว่ามีความซับซ้อนและใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับขนาดตัวของมนุษย์

จากผลการวิจัยระบุว่า มนุษย์เราใช้พื้นที่สมองเพียงแค่ 5% - 10% คนส่วนใหญ่จะใช้สมองซีกซ้ายมากกว่าสมองซีกขวา ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การเรียน การทำงาน ซึ่งยังมีพื้นที่สมองอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้งาน หรือใช้งานน้อยมาก ดังนั้นประเทศญี่ปุ่นจึงได้ศึกษา ค้นคว้า และวิจัย วิธีการดึงสมองส่วนนั้นมาใช้งาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ในด้านต่างๆ ให้มากขึ้น
จากการเปรียบเทียบหน้าที่ของสมองทั้งสองซีกจะเห็นว่า สมองซีกขวากับสมองซีกซ้ายทำหน้าที่แตกต่างกัน และมีลักษณะเด่นไม่เหมือนกัน เช่น เวลาเราอ่านหนังสือ สมองซีกซ้ายจะรับข้อมูลที่อ่านได้น้อย และช้า แต่มีข้อดีตรงที่รับอย่างเป็นขั้นตอน ในทางกลับกัน สมองซีกขวามีความสามารถในการรับข้อมูลได้ที่ละมากๆ และเร็ว แต่ไม่เป็นขั้นตอน ซึ่งหากเราดึงเอาจุดเด่นของสมองซีกขวาี มาใช้ร่วมกับซีกซ้ายในการอ่านหนังสือ จะทำให้เพิ่มศักยภาพในการอ่านหนังสือให้เร็ว และเข้าใจได้มากขึ้น

ถึงตอนนี้คงอยากฝึกสมองกันใช่มั๊ยครับ นี่คือ 9 เทคนิคฝึกสมองของคุณ วนิษา เรซ
นอกจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์แล้ว การดูแลสมองให้แข็งแรงก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ เพราะสมองเป็นอวัยวะที่ตัดสินใจทุกเรื่องของชีวิต เทคนิกง่ายๆ ในการบริหารสมองก็คือ...

1. จิบน้ำบ่อยๆ - เพราะสมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ดังนั้นถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว ทำให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก ก็ควรดื่มน้ำบ่อยๆ

2. กินไขมันดี - สมองคือก้อนไขมัน จึงจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีจำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรส เป็นต้น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที - หลังจากตื่นนอน ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้าวันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ช่วยในการผ่อนคลาย ทำให้สมองมี Mental Imagery คือสามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าไม่สะดวกนั่งสมาธิตอนเช้า จะทำก่อนนอนก็ได้

4. ใส่ความตั้งใจ - การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิด ทั้งสองอย่างจึงเสมือนเป็นสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ - ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ สารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุขจะหลั่งออกมา เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่น

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน – สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานใหม่ๆ ของเขา เป็นต้น การเรียนรู้สิ่งใหม่นี้ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และมีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน - การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง เป็นการเปลืองพลังงานสมอง ในขณะที่การให้อภัยตัวเองจะเป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก – ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่นขอบคุณที่มีครอบครัวดี ขอบคุณที่มีสุขภาพดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เมื่อเขียนเรื่องดีๆ สมองจะคิดเชิงบวกพร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ทำให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย และมีความคิดสร้างสรรค์

9.ฝึกหายใจลึกๆ - สมองใช้ออกชิเจนประมาณ 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ดังนั้นควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายบ้างเพื่อให้ปอดขยาย ใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %

ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี เชื่อแน่ว่าคุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

..วิธีเคลียร์สมอง..
หลังจากใช้สมองจนบางครั้งล้าก็มา relax กันหน่อย
บ่อยครั้งที่พอสมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก หรืออารมณ์ไม่ดี เรามักจะเป็นประเภทรำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง คือเฟ้นหาสาเหตุจากปัจจัยภายนอก ก่อนที่จะตั้งคำถามเช็กสมรรถภาพกับตัวเอง แล้วความจริงก็ชอบแสดง ให้เห็นว่า หลายปัญหาคาใจ แท้จริงแล้วมีคำตอบอยู่ข้างหน้านั่นเอง

ลองใช้ 8 วิธีดังต่อไปนี้..
เพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงานสมอง : เขียนเลข 8 ในอากาศ ด้วยมือทั้งสองข้างๆ ละ 5 ครั้ง โดยเริ่มจากด้านซ้ายของเลขก่อน แล้วเขียนวนไปให้เป็นเลข 8 วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการอ่าน การทำความเข้าใจ ดีขึ้น และทำให้สมองด้านซ้ายและด้านขวาประสานงานกัน

หล่อเลี้ยงสมองด้วยน้ำเปล่า : วางขวดน้ำไว้ใกล้ๆ โต๊ะของคุณเป็นประจำ และคอยจิบทีละน้อย วิธีนี้จะช่วยให้จิตใจและร่างกายของคุณ ตื่นตัวตลอดเวลา สมองเปิดว่าง สามารถรับสารหรือข้อมูลได้ดี เพราะน้ำจะช่วยปรับสารเคมีที่สำคัญในสมองและระบบประสาท ถ้าเวลาที่รู้สึกเครียด จึงควรจิบน้ำเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยงระบบของร่างกาย

นวดใบหูกระตุ้นความเข้าใจ : นั่งพักสบายๆ แตะปลายนิ้วทั้ง สองข้างที่ใบหู เคลื่อนนิ้วไปยังส่วนบนของหู จากนั้นบีบนวดและคลี่รอยพับ ของใบหูทั้งสองข้างออก ค่อยๆ เคลื่อนนิ้วลงมานวดบริเวณอื่นๆ ของใบหู ดึงเบาๆ เมื่อถึงติ่งหู ดึงลง ให้ทำซ้ำกัน 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการได้ยิน และทำให้ความเข้าใจดีขึ้น เพราะเป็นการคลายเส้นประสาทบริเวณใบหูที่เชื่อมสมอง

บริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่ : ใช้มือซ้ายจับไหล่ขวา บีบกล้ามเนื้อให้แน่นพร้อมหายใจเข้า จากนั้นหายใจออกและหันไปทางซ้ายจนสามารถ มองไหล่ซ้ายของตัวเอง จากนั้นสูดลมหายใจลึกๆ วางแขนซ้ายลงบนไหล่ขวา พร้อมกับห่อไหล่ ค่อยๆ หันศีรษะกลับไปตรงกลางและเลยไปด้านขวา จนกระทั่ง สามารถมองข้ามไหล่ของคุณได้ ยืดไหล่ทั้งสองข้างออก ก้มคางลงจรดหน้าอกพร้อมกับสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อของคุณได้ผ่อนคลาย เปลี่ยนมาใช้มือขวาจับไหล่ซ้ายบ้าง และทำซ้ำกันข้างละ 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตรงส่วนลำคอและไหล่ การได้ยิน, การฟัง และช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการนั่งโต๊ะทำงานเป็นเวลานาน อีกด้วย

นวดจุดเชื่อมสมอง : วางมือข้างหนึ่งไว้บนสะดือ มืออีกข้างหนึ่งใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้วางบนกระดูกหน้าอกบริเวณใต้ กระดูกไหปลาร้า และค่อยๆ นวดทั้งสองตำแหน่งประมาณ 10 นาที วิธีนี้จะช่วยลดความงงหรือสับสน กระตุ้นพลังงาน และช่วยให้มีความคิดแจ่มใส

บริหารขา : ยืนตรงให้เท้าชิดกัน ถอยเท้าซ้ายไปข้างหลัง โดยยกส้นเท้าขึ้น งอเข่าขวาเล็กน้อยแล้วโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ก้นของคุณจะอยู่ในแนวเดียวกับ ส้นเท้าขวา สูดลมหายใจเข้าและผ่อนออก ในขณะที่ปล่อยลมหายใจออกนี้ ค่อยๆ กดส้นเท้าซ้ายให้วางลงบนพื้นพร้อมกับงอเข่าขวาเพิ่มขึ้น หลังเหยียดตรง สูดลมหายใจเข้าแล้ว กลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนจากขาข้างซ้ายเป็นข้างขวา ทำแบบเดียวกันทั้งหมด 3 ครั้ง การบริหารท่านี้เหมาะสำหรับปรับปรุงสมาธิ รวมทั้งช่วยเพิ่มความเร็วในการอ่านหนังสือ และยังช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขา และกล้ามเนื้อน่องผ่อนคลายอีกด้วย

กดจุดคลายเครียด : ใช้นิ้ว 2 นิ้ว กดลงบนหน้าผากทั้งสองด้าน ประมาณ กึ่งกลางระหว่างขนคิ้ว และตีนผม กดค้างไว้ประมาณ 3-10 นาที วิธีนี้จะช่วยคลายความตึงเครียดและเพิ่มการหมุนเวียนโลหิตเข้าสู่สมอง

บริหารสมองด้วยการเขียน : เขียนเส้นขยุกขยิกด้วยมือทั้งสองข้าง พร้อมๆ กัน ลายเส้นที่เขียนอาจจะดูเพี้ยนๆ แต่ได้ผลดีต่อระบบสมองเป็นอย่างดีทีเดียว วิธีนี้จะช่วยให้เกิดการปรับปรุงการประสานงานของสมอง ด้วยการทำให้สมองทั้งสองซีกทำงานพร้อมกัน และเพิ่มความชำนาญด้านการสะกดคำ คำนวณดี และรวดเร็วขึ้นอีกด้วย
เป็นไปได้จริง ที่เส้นผมสามารถบังภูเขาทั้งลูกได้ ถ้าสายตาไม่มีสติกำกับ ดังนั้น ประตูบานแรกที่จะทอดนำไปสู่การหลุดพ้นแห่งความทุกข์ ปัญหาคือสภาพจิตใจที่สมบูรณ์จากภายใน จำง่ายๆ ว่า เมื่อใดสติเกิด สมองก็บรรเจิด และแน่นอนว่าผลของงานก็จะเริดขึ้นทันใด

ต่อไปจะเป็นเกมส์ทายการทำงานของสมองคุณว่าคุณเป็นคนใช้สมองแบบไหน..
คุณเห็นภาพนี้หมุนทวนเข็ม หรือ ตามเข็มนาฬิกา




คนเห็นตามเข็มแสดงว่า ใช้สมองซีกขวามากกว่าซีกซ้าย ในทางกลับกัน หากเราเห็นทวนเข็มแสดงว่าเราใช้สมองซีกซ้ายมากกว่าซีกขวา ?
สำหรับคนที่ใช้สมองซีกซ้ายมากกว่า ... คุณมีแนวโน้มที่จะ ...
-ตัดสินใจโดยใช้เหตุผล
-สนใจรายละเอียด
-อยู่บนพื้นฐานของความจริงมากกว่าการคาดการณ์
-มีความสามารถในการเลือกใช้ศัพท์และมีความสามารถทางภาษาศาสตร์
-สนใจในอดีตมากกว่าอนาคต
-มีความสามารถทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
-มีความสามารถในการทำความเข้าใจเรื่องที่มีความซับซ้อนได้เร็ว
-รอบรู้
-ยอมรับผู้คนหรือเรื่องราวใหม่ๆได้ง่าย
-มีระเบียบวินัย
-จดจำชื่อต่างๆได้ดี
-อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง
-วางกลยุทธ์ต่างๆได้ดี
-เน้นผลในทางปฎิบัติ
-ปลอดภัยไว้ก่อน

สำหรับคนใช้สมองซีกขวามากกว่า ... คุณมีแนวโน้มที่จะ
-ให้ความสำคัญกับอารมณ์และความรู้สึก
-ตัดสินใจจากภาพรวมมากกว่ารายละเอียด
-มีจินตนาการสูง
-มีความสามารถในทางตรรกศาสตร์
-สนใจอนาคตมากกว่าอดีต
-สนใจในทางปรัชญาและศาสนา
-เข้าใจประเด็นที่คนอื่นต้องการสื่อสารได้ดี
-ลึกซึ้งต่อเรื่องต่างๆ
-เป็นที่นิยมชมชอบ
-โยงประเด็นและความเกี่ยวเนื่องของเรื่องราวต่างได้ดี
-ชอบฝันเฟื่อง
-ประเมินผลกระทบสำหรับทางเลือกต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
-คึกคะนอง ... หรือในบางกรณีมุทะลุ
-เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน

***********************************************************
ผมก็ตามเข็มครับ แต่ถ้าได้คำตอบของตัวเองแล้ว
ลองทำใจสบายๆแล้วมองใหม่ดูผมเคยทำได้ทั้งตามและทวนเข็มเลยครับ แต่ส่วนใหญ่จะตามเข็ม
ผมว่าถ้าเราตอนเรามีสมาธีดีจิตนิ่งๆมันก็แว้บมาเหมือนเราสั่งให้มันไปในทางที่เราต้องการได้
เพราะผมไม่อยากได้เป็นสุดโต่งมั้งเลยพยายามมองให้ได้ทั้งสองแบบ :)

เสร็จแล้วลองทำ Quiz นี้ตามดูอีกนิดง่ายๆครับ แล้วจะได้เจอตัวเองชัดเจนขึ้นเลย ^_^

Friday, December 25, 2009

ไทยไม่ช่วยไทย..แล้วใครจะช่วยเรา..




มีโทรศัพท์ในมือแท้ๆแต่ไม่ได้ขอคุณป้าเค้าเพื่อถ่ายรูป เลยต้องหาเองผ่าน Net

วันนี้หลังจากกินข้าวซะสายเพราะมัวแต่นอนเอาสนุกเพราะวันนี้หยุด..เลยทำให้ทำอะไรๆช้าไปหมดกว่าจะได้ออกมากินข้าวก็ต้องหลังจากทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วก็อาบน้ำก่อนถึงจะได้มากิน

อากาศสบายๆดีวันนี้กินก็เลยไม่ร๊บด้วยเอื่อยๆ แต่พอหลังจากซื้อกาแฟเย็นคุณพี่เจ้าประจำมาถุงนึงกำลังดูดดื่มอร่อยก็ไปเจอตรงหัวเลี้ยงก่อนเข้าซอยมีป้าคนนึงขายขนมไทยด้วยรถเข็นเล็กๆธรรมดาคันนึงเลยหยุดเข้าไปมองแล้วอุดหนุนเสียหน่อย เพราะเราเป็นคนชอบขนมไทยมาก อาจเป็นเพราะโตมาจากสมัยที่ขนมถุงยังไม่ hot hot และ Marketing แรงเหมือนสมัยนี้ด้วย อยู่บ้านนอกขนมไทยในตลาดสดละลานตาน่าสนใจราคาถูกไม่แพงอร่่อยกว่าเยอะ... ^^

แต่ที่ตัดสินใจซื้อจริงๆเพราะอยากให้แกรู้สึกว่าเราก็เป็นคนนึงที่ทำให้แกยังทำขนมไทยขายต่อไปอีกเพราะในซอยนี้ไม่ค่อยเห็น ของทีึ่เอามาขายดูสะอาดและใหม่ไม่ค้างเก่า และป้าพูดจาสุภาพดี เลยจัดมา3-4รายการ

ขณะที่กำลังเดินกลับห้องเพราะจ่ายเงินมาแล้วเราก็คิดว่า อือม..ถ้าคนไทยไม่อยากจ่ายเพราะเข้า seven เพราะสบายกว่าเย็นกว่า Package ขนมสวยกว่ากันหมดแล้วป้าๆหรือพ่อค้าแม่ค้าพวกนี้เค้าจะเลิกทำขายกันรึเปล่า..

ยังไงก็ขอให้คนไทยกินของไทย..ใช้ของไทยกันมากๆด้วยเน้อ จะใช้ของอะไรก็ดีก็ใช้ไปแต่ของไทยของที่มันสื่อความเป็นชนชาติเราต้องไม่ลืมก่อนที่จะไม่มีมันให้เห็นได้อีกหรือมีก็ลำบากและกลายพันธุ์ได้ในที่สุดเพราะการแข่งขันอย่างรุนแรง

"วันนี้เป็นวันฉลองของฝรั่ง เราก็สนุกสนานกันไปด้วย ยังไงก็อย่าสนุกจนลืมของไทยนะครับ"

Saturday, November 28, 2009

คิดถึงสนามจันทร์..





อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นัวนเสาร์แรกในตลอด3เดือนที่ผ่านมาซึ่งเราต้องไปเรียนสีน้ำที่ศิลปากรทุกเช้าวันเสาร์ตลอดทั้งวัน แต่วันนี้อารมณ์มันแปลกไปเพราะเราไม่ได้ไป อยู่บ้าน เนื่องจากคอร์สอบรมจบไปแล้ว แต่ภาพบรรยากาศห้องเขียนรูป พวกกองกระดาษภาพวาดรวมถึงโต๊ะรกๆที่กองกันดูไม่เป็นระเบียบ แต่บรรยากาศเงียบๆร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม่ใหญ่ในศิลปากรทำให้เราตอนนี้ถึงกับคิดถึงขึ้นมาเลย.. ต้องนั่งเรือทุกเสาร์ตอนนี้ก็หยุดเล่นคอมพ์อยู่กับห้อง ร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ตรงข้ามลานรูปปั้นอาจารย์ศิลป์ พีระสี วันนี้ก็ไม่ได้ไปนั่งดื่มนั่งกิน ...

แต่กนั่นแหละนะ ไม่เป้นไรมากหรอกเดี๋ยววันนี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะนั่ง drawing อะไรเล่นๆซักภาพให้หายคิดถึง หรือไม่ก็เอา VDOที่อัดตอนเรียนสั้นๆมานั่งดูก็เยี่ยมแล้ว

หลังจากเรียนจบก็ได้อะไรมาเหมือนกันนะ การวาดภาพสีน้ำให้อะไรบ้าง ?

1. ทำให้เราเข้าถึงธรรมชาติมากขึ้นกว่าแต่ก่อน การมองจะไม่ใช่แค่ผ่าน แต่เป็นการมองอย่างสังเกตความงามของภาพหรือสิ่งที่เห็นอย่างตั้งใจซึ่งให้ความสุขไปอีกแบบ แตกต่างจากการมองภาพถ่าย (มองหุ่นนิ่งแล้วเขียน)

2. ทำให้รู้จักการควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจ "ใจร้อน..จะเขียนสีน้ำไม่ได้" ถึงทำได้ก็ไม่ได้ดี และหากเอ้อระเหยช้าไปก็ลำบากเหมือนกันความกลมกลืนและแยกชั้นของสีน้ำก็ไม่เกิด ช้าหรือเร็วไปไม่ได้เลย แต่ต้องพอดีเรื่องเวลา...

3. จงเป็นคนสังเกต อะไรคือแสงอะไรคือเงา สีน้ำไม่เหมือนสีน้ำมันที่จะลงทับสีกันกี่ครั้งก็ได้หรือเติมขาวได้ทุกเมื่อ เพราะสีน้ำต้องเว้นที่สำหรับจุดไฮไลท์หรือสว่าง ไม่ใช้สีขาวระบาย ต้องคำนวณและวางแผนการลงระดับสีให้ดีก่อนลงมือ ไม่งั้นภาพจะเน่าได้ "ภาพสีน้ำจะต้องโปร่งและสะอาด" สีน้ำลงเปรอะมันคือสีโปสเตอร์ผิดแนวไป.. ป้ายพู่กันน้อยครั้งกว่า ทำอย่างว่องไวถูกที่ถูกเวลา ภาพที่ได้โปร่งสะอาด นั่นคือสีน้ำ

4. "งาน Digital สวย ดี แต่ไม่มี spirit แต่งานฝีมือภาพสีน้ำแบบนี้มันมี จิตวิญญาณมองแล้วจับต้องได้ รู้สึกได้เลย" คำจากอาจารย์ประทีป ศิษย์ที่ว่าน่าจะเป็นคนสุดท้ายของอาจารย์ศิลป์

5. แต่กระนั้นเลยอาจารย์เองก็สอนว่าจะลงสีแบบแห้งหรือเปียกก้ได้ไม่มีผิดหรือถูกแล้วแต่ styleของแต่ละคน

โดยสรุปสิ่งที่เราได้จากสีน้ำคือทำให้เราใกล้ชิดกับธรรมชาติหรือสิ่งต่างๆมากขึ้นและเห็นความสวยงามกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

ใครจะคิดว่างานดราไม่สวยคอนนี้ผมไม่ได้ให้น้ำหนักมากแล้ว เพราะความสุขที่ผมได้รับมันได้กับผมไปแล้วเต็มๆกับภาพเหล่านั้น

"อยากให้ทุกคนมีความสุขกับสีน้ำนะครับ" ^__^

Friday, September 04, 2009

เหตุทีึ่ชอบหนัง รัก | สาม | เศร้า |


วันนี้วันหยุดก็..เรื่อยๆเหมือนทุกๆครั้ง แต่วันนี้ฝนไม่ตกทั้งทีึ่ตลอด6-7 วันมานี้ตกตลอด เราเลยนั่งเล่นแต่ในห้องกะดูหนังนอนเล่นในห้อง
ก็มาสะดุดที่หนังรักสามเศร้า โดยนี่เป็นรอบที่สามหรือสี่แล้วมั้ง ไม่เคยเบื่อเลย ก็เลยมานั่งคิดทบทวนว่าทำไมวะ เหตุการณ์ไหนวะเลยอินกะหนังเรื่องนี้จัง..

คิดนิ่งๆซักพักจึงได้พบว่ามันเป็นเหตุการณ์เมื่อ16-17 ปีก่อน ตอนอยู่ปวช. (ออกจากเรียนม.4มาปีนึง) ได้มาเจอเด็กรุ่นน้องตอนม.3โรงเรียนเก่ามาเข้า ม.4 โรงเรียนที่เราออก และเรามาพบน้องเค้าที่โรงเรียนนี้ แล้วอะไรไม่รู้มันดันกลับบ้านทางเดียวกัน บ้านก็ไม่ได้ไกลกันเลย แต่ทำไมกูเพิ่งมาสังเกตุว่ามีเด็กคนนี้อยู่ด้วยวะเนี่ย.. โคตรน่ารัก อาจจะเป็นเพราะช่วงม.3เราเรียนกะกีฬาเลยไม่ได้สนใจหญิงมากนัก

จำได้ว่าตอนได้สบตากันครั้งแรกนี่ร้อนมาก อึดอัดไงไม่รู้ (คงอารมณ์เด็กๆ เขินๆอายๆแต่อยากบอกชอบแต่ก็ไม่กล้า) ตอนนั้นก็คิดว่าน้องเค้าก็คงยังไม่มีใครเด็กเรียนเหมือนกันและทำกิจกรรมไป ที่ไหนได้มารู้เข้าอีกที ทั้งรุ่นเดียวกัน ทั้งเพื่อนรุ่นพี่ รวมถึงเพื่อนเราเองก็ตามจีบกันใหญ่

สุดท้ายน้องเค้าก็เดินควงกับเพื่อนเรา ก่อนหน้านั่นเพื่อนมันยังพูดับเราอีกว่า "ถ้ามึงไม่กูจีบเลยนะ กูชอบ.." คำนี้อยู่ในหูไม่นานนัก สุดท้ายน้องเค้าก็..เป็นแฟนกะเพื่อนเรา เค้าก็พยายามตีตัวออกห่าง มิหนำซ้ำช่วงนั้นเลยอยากมีตีมีต่อย ก็ไม่ได้มีเรื่องกับเพื่อนตัวเองแต่ก็ได้มีเรื่องกับเจ้าพวกเด็กคณะอื่นที่มันมาชอบน้องคนนี้และมันมาหาเรื่องเรา จำได้ว่าตอนนั้นมันปั่นป่วนไงไม่รู้ อ่อนแอแบบไรสาระเลย กินเหล้ากะเพื่อนประชดซ้า.. เข้เอ๊ย!! สบถในความไม่เอาไหนของตัวเองที่หน้าตาและชั้นเชิงสู้ไม่ได้เลยไม่คิดมีแฟน ไม่มองหญิงจนจบปวช.เลย..

แต่พอมาถึงวันนี้ได้คิดถึงมันกลับรู้สึกตลกดี และดีเนอะเคยผ่านแบบนี้มาด้วยอย่างกะ MV ในทีวีเลย สุดท้ายเพื่อนเราเองก็ได้แต่งงานกะเพื่อนเราเองจริงๆที่เรียนกันมาตั้งแต่ม.ต้นอยู่ห้องเดียวกันเลย 55 แม่งโคตรขำ แต่ถือว่ามันคิดดีและโชคดีมากเพราะเพื่อนในห้องเราจะว่าไปน่ารักเหมือนกันเลย (ในห้องมีแต่หญิงหน้าตาดี ^^' )

ดูหนังดีดีที่มันโดน..นี่มันสนุกจริงๆ

ว่าแล้วมีเวลานี่ก็อย่าลืมหาหนังดีดีมาดูซักเรื่องนะ แล้วจะรู้ว่าเราได้พบอะไรดีดีในชีวิตด้วย..

Enjoy Movie !! ^__^

Monday, August 03, 2009

อยากเขียนขอนิดนึง..


หึหึ..จะนอนอยู่แล้วก็ไม่วาย ขอมายุกยิกๆหน้าคอมพ์ซักหน่อย เนื่องจากมันวิ้งๆเหม่อๆอะไรไม่รู้ เพิ่งจะอาบน้ำมาเสร็จมาดๆๆด้วยเดี๋ยวก็จะได้เข้านอนแล้ว ตอนนี้สบายตัว....

จะว่าไปวันนี้แรงขี้เกียจมันเยอะจัดว่าจะหัดวาดเส้นก็ดันไม่มี inspire เข้าซะงั้น โรคขี้เกียจเป็นโนบิตะนี่ขอให้บอก ไอ้ดอยถนัดนัก ก็เลยเอาหนังพี่ยุทธเลิศมานั่งดูแทน ดูเสร็จกลายไปเป็นจับผิดว่าเอ๊ะดูรอบนี้ น้องพีคดูสวยและเล่นดีกว่าก้อยอีกนะเนี่ย แต่ก็ยังได้อรรถรสดีเหมือนเดิม..

เอาเป็นว่าพรุ่งนี้่จะต้องหาเวลาทำแล้วเพราะวันนี้ดูหนังไปแล้ว เดี๋ยวไฟที่ตัวกับเอ็นที่มือจะหมดสภาพไปเสียก่อน..

เอาละไปนอนดีกว่า..

Thursday, February 26, 2009

หกขะล้ม


ร้อน..ร้อน..ร้อนนน..ทำไมถึงได้ร้อนอย่างนี้น้าา.. ผมก็มัดแล้วก็ยังมีเส้นเบาๆเล้กๆมาตวัดไปตวัดมาแนบบนแก้มเนอะๆ ยิ่งชวนรำคาญใหญ่

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อกี้นี้พ่อโทรมาคุยด้วยก็คุยตลอดทางตั้งแต่ 7-Eleven จนข้ามถนนที่เต็มไปด้วยรถ บุกมาถึงห้อง ช่วงที่กำลังขึ้นบันไดนี่แหละทีเด็ด พอเราร้อนเราก็ขาดสติได้ง่าย ไม่ค่อยระวัง มัวคิดมัวพุดอะไรไม่มองทาง ขาซ้ายกำลังจะขึ้นขั้นที่สี่ แต่ขาขวาไม่ได้เหยียบอะไรแล้ว มันแปรีดขอบบันไดไปแล้ว
ครั้นพอจะควบคุมด้วยขาขวาก้สายไปเสียแล้ว ไอ้ดอยร่วงลงไปแล้ว
Moto V8 ของพี่ต้องมีรอยบากเหมือนแผลเป็นตรงขอบข้างฝาพับ(ดีที่ไม่หัก..แข็งแรงมาก ของเค้าดีเจงๆ) แต่เข่า ข้อมือขวา ปวด บวมไปตามๆกัน
สงสัยจะร้อนไปหน่อยแล้วไม่ระวังความรู้สึกตัวเองเลย มาเขียนบันทึกอารมณ์ตัวเองไว้เตือนใจซะหน่อย


.....
สติ จงกลับมา .....

Wednesday, February 25, 2009

Sunset @ Pak Kret



Originally uploaded by dDoi

Around 6.30 pm after I come out from toilet to car park. I see this shot. It make me calm...

การทำ Repair Permission บน Mac OS X El Capitan ด้วย Command Line

เนื่องด้วยว่า Finder บน Mac ทำงานดูช้าๆ และที่แปลกคือรูป Icon กุญแจใน System Preferences หายไป และพอเข้าไปใช้ Disk Utility ในแฟ้ม Applicatio...