Saturday, September 30, 2006

File ภาพที่เรียกกันว่า " Raw "

เนื่องจากเคยแต่ได้ยินว่า file ภาพนี้มันขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ไม่รู้รายละเอียดอย่างอื่น พอดีไปเจอข้อความที่ พี่Van กับ พี่eclipseในกระทู้จากFreemacเลยต้องทำการบันทึกซะหน่อย^_^
--------------------------------------------------
พี่Van***
RAW ไฟล์นั้นมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับคำว่า Digital Negative หรือ ฟิล์มระบบดิจิตอล มากที่สุด และในกล้องระดับ Professional ทุกรุ่นจะมีฟอร์แมตนี้ไว้ให้ผู้ใช้เลือกบันทึก

โดยปกติแล้วภาพถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลในปัจจุบันจะ save ภาพที่ถ่ายไว้ด้วยการบีบอัดในรูปแบบต่างๆ ซึ่งก็คือฟอร์แมต TIFF และ JPEG เพื่อความสะดวกและประหยัดพื้นที่ในการเก็บลงใน Memory ของกล้องหรือ Media Flash ทั้งหลายซึ่งมีพื้นที่จำกัดและราคาค่อนข้างสูง และยังทำให้เป็นการประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่งด้วย (จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กล้องราคาถูกๆ มักไม่สามารถเลือกชนิดของไฟล์ที่บีบอัดได้ โดยมากจะมีเฉพาะ JPEG มาให้เพียงอย่างเดียว)

RAW format เป็นไฟล์ดิบที่บันทึกค่ารับแสงของเซ็นเซอร์รับภาพของกล้องตามที่เกิดขึ้นจริงโดยไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งจะมีคุณสมบัติเฉพาะของเซ็นเซอร์รับภาพของกล้องแต่ละชนิดแตกต่างกันไป ทำให้ไฟล์ RAW นี้ไม่สามารถใช้ร่วมกันระหว่างกล้องแต่ละรุ่นได้ ทั้งยังต้องใช้โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาโดยเฉพาะของกล้องแต่ละตัวในการอ่านข้อมูล RAW นี้แล้วแปลงกลับมาเป็นภาพตามที่ได้บันทึกไว้

ไฟล์ Raw ที่ได้จะมีขนาดใหญ่กว่าไฟล์แบบ JPEG มาก ทำให้ต้องใช้เวลาในการบันทึกข้อมูลลง Memory card ค่อนข้างมาก กล้องรุ่นโปรฯ หน่อยจะมีหน่วยความจำสำรองในกล้องมาให้มากกว่ากล้องรุ่นกลางหรือเล็ก ในการเก็บข้อมูลที่บันทึกไว้ ก่อนที่จะทะยอยเขียนลง card ในภายหลัง จึงไม่เหมาะสำหรับกล้องขนาดเล็กที่ไม่มีหน่วยความจำสำรองมากพอ หรืองานที่ต้องการความรวดเร็วในการถ่ายภาพแบบต่อเนื่องเยอะๆ

นอกจากนี้ข้อมูลในการถ่ายภาพทั้งหมดทั้งค่าการวัดแสง, ความเร็วชัตเตอร์, หน้ากล้อง ฯ หรือที่เรียกรวมๆ ว่า Metadata จะถูกผนวกรวมไว้กับ RAW ไฟล์ด้วย อีกทั้ง Bitdepth (ค่าความละเอียดในการบันทึกของสีสันและรายละเอียด)ของภาพที่ถูกบันทึกจะมีรายละเอียดสูงกว่าภาพที่บันทึกในแบบ JPEG เนื่องจาก RAW ไฟล์จะบันทึกข้อมูลที่ 12-14 บิท(แล้วแต่รุ่นของกล้อง) ในขณะที่ JPEG จะบันทึกข้อมูลได้สูงสุดเพียง 8 บิทเท่านั้น

ข้อดีของ RAW ไฟล์คือ เราสามารถปรับแต่งคุณภาพได้ละเอียดมาก ทั้งค่าของสี, โทนสี, ชดเชยการรับแสงที่ Under หรือ Over ไป ไม่นับรวมการปรับแต่งความคมชัด, คอนทราสต์ ฯลฯ ที่ทำได้เช่นกันในฟอร์แมตภาพชนิดอื่นๆ โดยยังคงคุณภาพของแต่ละพิกเซลได้อย่างสูงสุดเนื่องจากภาพต้นฉบับยังไม่ได้ถูกบีบอัดเช่นเดียวกับฟอร์แมตอื่นๆ

ไฟล์ RAW สามารถนำมาขยายใหญ่ได้เช่นเดียวกับไฟล์แบบ JPEG หรือ TIFF ตามจำนวน Pixel สูงสุดของกล้องที่บันทึกมา ไม่ได้ไปกว่า Format อื่นๆ

ข้อเสียที่เห็นได้ชัดของไฟล์ RAW ก็คือ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการเปิดดูและปรับแต่งภาพ,?ไฟล์ที่ได้ไม่ได้เป็นมาตรฐานกลางเช่นเดียวกับไฟล์แบบ JPEG หรือ TIFF ไม่สามารถนำไปเปิดดูในเครื่องคอมฯ อื่นๆ ที่ไม่มีโปรแกรมเฉพาะได้ รวมทั้งในอนาคตต่อไปอาจเสี่ยงต่อการไม่สามารถเปิดดูภาพนั้นๆ ได้อีก หากผู้ผลิตเลิกสนับสนุน Format Raw ของกล้องรุ่นเก่าๆ อีกต่อไป

พี่eclipse***
ปกติถ้าเซฟเป็น Raw จะเอาไปปรับ white balance, exposure compensation, lens compensation, noise reduction, อื่นๆ อีกได้ทีหลังในคอมโดยใช้ utility ของค่ายกล้อง หรือพวก photoshop / lightroom / aperture

จริงๆ Jpeg ก็เอาไปปรับพอได้ แต่ Raw มันจะยืดหยุ่นกว่าเยอะ เวลาเราเอาไปปรับ รูปมันจะไม่เละเท่า
แล้วโดยปกติ ถ้าถ่ายด้วย Raw จะได้ภาพทีรายละเอียดดีกว่า + noise น้อยกว่าอยู่แล้วด้วย (อันนี้ขึ่นกับกล้องแต่ละตัว)

ข้อเสียก็คือเวลาไฟล์ Raw มันหนักกว่า เปลืองเมม แถมเวลาเอาไปใช้ก็ต้องมานั่ง convert ไฟล์ผ่านคอม เปลืองทั้งแรงคน ทั้งแรงเครื่อง

รูปนี้ผมลองโยนไฟล์ ORF (raw format ของโอลิมปัส)เข้า photoshop cs มันก็จะขึ้นหน้าต่างมาให้ปรับประมาณนี้คับ

No comments:

การทำ Repair Permission บน Mac OS X El Capitan ด้วย Command Line

เนื่องด้วยว่า Finder บน Mac ทำงานดูช้าๆ และที่แปลกคือรูป Icon กุญแจใน System Preferences หายไป และพอเข้าไปใช้ Disk Utility ในแฟ้ม Applicatio...